หลาย ๆ คนน่าจะเคยมีโมเม้นต์มองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกจำเจ อยากเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาบ้าง
แล้วรู้หรือไม่ว่า บางทีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเปลี่ยน “ทรงผม” ก็อาจสร้างความแตกต่างให้กับอารมณ์และความรู้สึกของคุณได้อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว
บทความนี้จะพาคุณไปค้นหาสไตล์ทรงผมที่ใช่ ที่จะช่วยปลดล็อกความมั่นใจและเผยตัวตนของคุณในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เปลี่ยนลุคใหม่ด้วยทรงผมที่ใช่ ปลดล็อกความมั่นใจและค้นพบตัวตนของคุณ
อันดับแรก ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจรูปหน้ากันก่อน ซึ่งพาร์ทนี้จะอธิบายเกี่ยวกับรูปหน้าในแบบต่าง ๆ อย่างละเอียด และเคล็ดลับการนำไปใช้ในการเลือกทรงผมที่จะช่วยเสริมจุดเด่นและพรางจุดด้อยของใบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณดูดีและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
1. ทำความเข้าใจรูปหน้า กุญแจสู่การเลือกทรงผมที่ใช่

หน้ารูปไข่ (Oval)
ลักษณะ | ถือเป็นรูปหน้าที่ได้สัดส่วนและสมดุลที่สุด มีความยาวมากกว่าความกว้างเล็กน้อย หน้าผากและคางมีความโค้งมน โหนกแก้มไม่สูงมากนัก |
จุดเด่น | ได้สัดส่วน สมดุล เหมาะกับทรงผมหลากหลายสไตล์ |
ทรงผมที่แนะนำ | แทบทุกทรง ไม่ว่าจะเป็นผมสั้น บ๊อบ ยาวตรง ดัดลอน หรือแม้แต่ผมม้า |
ข้อควรระวัง | ควรหลีกเลี่ยงทรงผมที่ยาวและตรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูยาวขึ้น |

หน้ากลม (Round)
ลักษณะ | มีความกว้างและความยาวของใบหน้าใกล้เคียงกัน แก้มอิ่ม คางกลม ไม่มีเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน |
จุดเด่น | ดูอ่อนเยาว์ น่ารัก |
จุดด้อย | ใบหน้าดูสั้น และกว้าง |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยเพิ่มความยาวให้ใบหน้า เช่น ผมยาวตรง ปลายดัดลอน ผมประบ่าที่มีเลเยอร์ หรือผมสั้นที่มีวอลลุ่มด้านบน |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมบ๊อบสั้นตรง ผมม้าตรงหนา และทรงผมที่ทำให้ผมด้านข้างพอง |

หน้าเหลี่ยม (Square)
ลักษณะ | มีความกว้างและความยาวของใบหน้าใกล้เคียงกันเช่นเดียวกับหน้ากลม แต่มีกรามที่ชัดเจนและเป็นเหลี่ยม |
จุดเด่น | โครงหน้าคมชัด ดูแข็งแรง |
จุดด้อย | ใบหน้าดูแข็งกระด้าง |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยลดความแข็งของกราม เช่น ผมยาวดัดลอน ผมประบ่าที่มีเลเยอร์ ผมสั้นที่มีวอลลุ่มด้านบน หรือผมม้าปัดข้าง |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมบ๊อบสั้นตรง ผมม้าตรง และผมที่เน้นความคมชัดของกราม |

หน้ารูปหัวใจ (Heart)
ลักษณะ | มีหน้าผากกว้าง โหนกแก้มสูง และคางแหลมคล้ายรูปหัวใจ |
จุดเด่น | โหนกแก้มสวย หน้าผากเด่น |
จุดด้อย | คางแหลม ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยลดความกว้างของหน้าผากและเพิ่มความกว้างบริเวณคาง เช่น ผมยาวดัดลอน ผมประบ่าที่มีเลเยอร์ ผมม้าปัดข้าง หรือผมบ๊อบที่มีวอลลุ่มช่วงปลาย |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมสั้นที่เปิดหน้าผาก และผมม้าตรงหนา |

หน้าเพชร (Diamond)
ลักษณะ | มีโหนกแก้มที่กว้างที่สุด หน้าผากและคางแคบ |
จุดเด่น | โหนกแก้มโดดเด่น |
จุดด้อย | หน้าผากและคางดูแคบ |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยเพิ่มความกว้างบริเวณหน้าผากและคาง เช่น ผมยาวที่มีเลเยอร์ ผมม้าปัดข้าง หรือผมบ๊อบที่มีวอลลุ่มช่วงปลาย |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมที่ทำให้ผมด้านข้างลีบแบน |

หน้ายาว (Oblong/Rectangle)
ลักษณะ | มีความยาวของใบหน้ามากกว่าความกว้างอย่างเห็นได้ชัด หน้าผากและคางยาว |
จุดเด่น | ใบหน้าเรียว |
จุดด้อย | ใบหน้าดูยาวเกินไป |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยลดความยาวของใบหน้า เช่น ผมม้า (หน้าม้าตรง หน้าม้าปัดข้าง หรือหน้าม้าซีทรู) ผมประบ่าดัดลอน หรือผมสั้นที่มีวอลลุ่มด้านข้าง |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมยาวตรง และผมที่ทำให้ผมด้านบนพอง |

หน้าสามเหลี่ยม (Triangle/Pear)
ลักษณะ | มีกรามที่กว้างกว่าหน้าผาก |
จุดเด่น | กรามเด่น |
จุดด้อย | หน้าผากดูแคบ |
ทรงผมที่แนะนำ | ทรงผมที่ช่วยเพิ่มความกว้างบริเวณหน้าผาก เช่น ผมยาวที่มีเลเยอร์ ผมม้าปัดข้าง หรือผมสั้นที่มีวอลลุ่มด้านบน |
ทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยง | ผมที่เน้นความกว้างของกราม |
2. ค้นหาสไตล์ที่ชอบ
ค้นหาสไตล์ที่ชอบ ด้วยการหาแรงบันดาลใจจากแหล่งต่าง ๆ เช่น นิตยสารแฟชั่น เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียอย่าง Pinterest, Instagram และ Lemon8 เพื่อดูเทรนด์ทรงผมใหม่ ๆ และสไตล์ที่หลากหลาย รวมถึงการสังเกตทรงผมของเหล่าดาราคนดังที่คุณชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีรูปหน้าคล้ายกับคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพว่าทรงผมแบบไหนที่เข้ากับรูปหน้าของคุณที่สุด
นอกจากนี้ การปรึกษาช่างผมผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่างผมสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับทรงผมที่เหมาะกับรูปหน้า โครงสร้างผม และสไตล์ของคุณได้อย่างตรงจุด ช่วยประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงในการตัดผมที่ไม่เข้ากับตัวเอง
3. ลองเปลี่ยนลุคด้วยทรงผมต่าง ๆ
การทดลองและปรับเปลี่ยนทรงผมเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหาสไตล์ที่ใช่ ฉะนั้น อย่ากลัวที่จะลองทรงผมใหม่ ๆ โดยอาจเริ่มต้นจากทรงที่คล้ายกับทรงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น ความยาว หรือการจัดแต่งทรง เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเข้ากับคุณหรือไม่
นอกจากนี้ ในปัจจุบันก็ยังมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้คุณลองทรงผมแบบต่าง ๆ บนรูปหน้าของคุณได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว เห็นภาพชัดเจน และเมื่อคุณได้ลองทรงผมต่างๆ แล้ว ก็ควรถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเปรียบเทียบและดูว่าทรงไหนที่เข้ากับคุณมากที่สุด จากนั้นอย่าลืมที่จะขอความเห็นจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนใกล้ชิด เพราะจะช่วยให้คุณได้มุมมองที่หลากหลาย และอาจได้รับคำแนะนำดี ๆ ที่คุณอาจมองข้ามไป
4. การดูแลผมหลังการจัดแต่งทรง
การดูแลผมหลังการจัดแต่งทรงจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นผม และช่วยให้ผมของคุณสุขภาพดี เงางาม อยู่ทรงได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งเคล็ดลับในการดูแลผมหลังการจัดแต่งทรง มีดังนี้
ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่เหมาะสมกับสภาพผม
รู้จักสภาพผมของคุณ | ก่อนอื่น คุณต้องรู้จักสภาพผมของตัวเองก่อนว่าเป็นผมประเภทไหน เช่น ผมแห้ง ผมมัน ผมธรรมดา ผมทำสี หรือผมที่ผ่านการทำเคมี เพราะผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อสภาพผมที่แตกต่างกัน |
เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม | ผมแห้ง : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น ออยล์ ครีม หรือเซรั่ม เพื่อป้องกันผมแห้งเสียและชี้ฟู ผมมัน : ควรเลือกผลิตภัณฑ์เนื้อบางเบา เช่น สเปรย์ หรือมูส ที่ไม่ทำให้ผมมันเยิ้ม ผมทำสี : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันสีผมซีดจาง ผมที่ผ่านการทำเคมี : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผมที่แห้งเสียจากสารเคมี |
อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ | อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อดูส่วนผสม วิธีใช้ และคำแนะนำต่าง ๆ |
ทดสอบผลิตภัณฑ์ | ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทดสอบกับผมส่วนน้อย ๆ ก่อน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ |
หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับผมมากเกินไป
ลดการใช้ความร้อน | การใช้ความร้อนกับผมมากเกินไป เช่น การไดร์ผม การหนีบผม หรือการม้วนผม จะทำให้ผมแห้งเสีย เปราะบาง และแตกปลายได้ ควรลดการใช้ความร้อนให้น้อยที่สุด หรือใช้เท่าที่จำเป็น |
ใช้สเปรย์ป้องกันความร้อน | ก่อนใช้ความร้อนกับผม ควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อน เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนโดยตรง |
ใช้ความร้อนในระดับที่เหมาะสม | หากจำเป็นต้องใช้ความร้อน ควรใช้ในระดับที่เหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป |
ปล่อยให้ผมแห้งเองบ้าง | ควรปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติบ้าง เพื่อลดการใช้ความร้อน |
สระผมและบำรุงผมอย่างสม่ำเสมอ
สระผมอย่างถูกวิธี | สระผมด้วยแชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผม นวดเบา ๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด |
ใช้ครีมนวดผม | หลังสระผม ควรใช้ครีมนวดผม เพื่อบำรุงผมให้นุ่มลื่นและลดการพันกัน |
ทำทรีทเมนต์ผม | ควรทำทรีทเมนต์ผมอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูผมที่แห้งเสีย |
เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะสม | เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่เหมาะสมกับสภาพผม เช่น ออยล์ เซรั่ม หรือมาส์กผม |
หลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยเกินไป | การสระผมบ่อยเกินไปจะทำให้ผมแห้งเสียได้ ควรเว้นระยะการสระผมให้เหมาะสม |
บำรุงผมก่อนนอน | ก่อนนอน ควรบำรุงผมด้วยออยล์หรือเซรั่ม เพื่อป้องกันผมแห้งเสียขณะนอนหลับ |
บทสรุป
จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนลุคด้วยทรงผมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะทรงผมที่ใช่จะช่วยเสริมบุคลิก สร้างความมั่นใจ และทำให้คุณดูดีในแบบของคุณ ฉะนั้น อย่าลังเลที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ และค้นหาสไตล์ที่ใช่ในแบบที่คุณชอบ !