เคยไหม ซักผ้าแทบตาย แต่พอผ้าแห้งกลับไม่หอมอย่างที่คิด แถมบางทียังมีกลิ่นอับ ๆ ติดมาอีกด้วย ?
ปัญหาซักผ้าไม่หอม หรือผ้าเหม็นอับหลังซัก ถือเป็นเรื่องกวนใจที่เหล่าแม่บ้านหลายคนต้องเจอ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากคุณรู้จักวิธีซักผ้าให้หอมฟุ้งยาวนาน ไร้กลิ่นอับกวนใจ ทำตามได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อร้านซักรีด
ทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับ
ก่อนที่จะไปดูเคล็ดลับซักผ้าหอม เรามาทำความเข้าใจสาเหตุของกลิ่นอับกันก่อนดีกว่า ว่ากลิ่นอับเสื้อผ้า เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
1. ความชื้น
ตากผ้าไม่แห้งสนิท | การตากผ้าในที่ร่ม อับชื้น หรือตากผ้ากลางคืน ทำให้ผ้าแห้งไม่สนิท เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นอับ เพราะความชื้นที่หลงเหลืออยู่ในผ้าเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรานั่นเอง |
เหงื่อ | เหงื่อที่ร่างกายขับออกมามีสารประกอบทางเคมีหลายชนิด ซึ่งเมื่อสัมผัสกับผ้าแล้วไม่ได้รับการซักทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้วงแขน และจุดอับชื้นต่าง ๆ ของร่างกาย |
เสื้อผ้าที่เปียกชื้น | เสื้อผ้าที่เปียกชื้นจากฝน หรือจากการเล่นกีฬา หากทิ้งไว้ในตะกร้าโดยไม่ซัก ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับได้เช่นกัน |

2. เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
การสะสมของเชื้อโรค | เสื้อผ้าที่ไม่ได้ซักเป็นเวลานาน หรือซักไม่สะอาด จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับ |
เชื้อราในเครื่องซักผ้า | เครื่องซักผ้าที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจมีเชื้อราสะสมอยู่ ซึ่งจะทำให้ผ้าที่ซักมีกลิ่นอับติดไปด้วย |
3. สิ่งสกปรกและคราบต่าง ๆ
คราบสกปรก | คราบสกปรกต่าง ๆ เช่น คราบเหงื่อไคล คราบอาหาร คราบเครื่องสำอาง หากซักออกไม่หมด ก็จะทำให้ผ้ามีกลิ่นอับได้ |
คราบไขมัน | คราบไขมันจากร่างกาย หรือจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หากสะสมอยู่ในผ้า ก็จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับได้เช่นกัน |

4. ผลิตภัณฑ์ซักผ้า
การใช้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดคราบตกค้างในผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับได้ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า บางชนิดอาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน
5. ปัจจัยอื่น ๆ
การจัดเก็บเสื้อผ้า | การเก็บเสื้อผ้าในที่อับชื้น หรือในตู้เสื้อผ้าที่ไม่มีอากาศถ่ายเท ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับได้ |
กลิ่นจากสิ่งแวดล้อม | กลิ่นจากสิ่งแวดล้อม เช่น ควันบุหรี่ ควันอาหาร หรือกลิ่นจากสารเคมี ก็สามารถติดผ้าและทำให้เกิดกลิ่นอับได้ |
6 สูตรลับ ซักผ้าให้หอมยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ต้องง้อร้านซักรีด
ใคร ๆ ก็อยากมีเสื้อผ้าหอม ๆ ใส่ตลอดวัน แต่การซักผ้าให้หอมยาวนานเหมือนร้านซักรีดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้เลยจะมาแชร์ 6 สูตรลับที่จะช่วยให้ผ้าของคุณหอมฟุ้งยาวนานตลอดทั้งวัน แบบไม่ต้องง้อร้านซักรีด

1. เตรียมความพร้อมก่อนซัก
- แยกผ้า : แยกผ้าสีและผ้าขาวเพื่อป้องกันสีตก และควรแยกผ้าที่ใช้สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ออกจากกัน เช่น ผ้าออกกำลังกาย ผ้าเช็ดตัว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและกลิ่นอับ
- ตรวจสอบคราบสกปรก : ตรวจสอบเสื้อผ้าก่อนซัก หากมีคราบสกปรกฝังแน่น เช่น คราบเหงื่อไคล คราบอาหาร คราบเครื่องสำอาง ให้ขจัดคราบสกปรกออกก่อนซัก เพื่อป้องกันไม่ให้คราบสกปรกฝังแน่นในผ้า
- อ่านฉลาก : อ่านฉลากบนเสื้อผ้า เพื่อดูคำแนะนำในการซักและดูแลรักษาผ้าแต่ละชนิด
2. เลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ใช่
- เลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะกับชนิดของผ้า : เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะกับชนิดของผ้า เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ เพื่อให้ผ้าได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
- เลือกผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีกลิ่นหอม : เช่น น้ำยาซักผ้าหอมติดทนนาน แต่ควรเลือกกลิ่นที่ไม่ฉุนจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม : ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม เพื่อให้ผ้ามีความนุ่มลื่น ลดรอยยับ และมีกลิ่นหอม
3. ขั้นตอนการซักผ้าที่ถูกต้อง
- ใช้น้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสม : ใช้น้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมกับชนิดของผ้า โดยทั่วไปควรใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นในการซักผ้า
- ใส่ผงซักฟอกในปริมาณที่เหมาะสม : ใส่ผงซักฟอกในปริมาณที่เหมาะสมกับปริมาณผ้า และระดับความสกปรกของผ้า การใส่ผงซักฟอกมากเกินไป อาจทำให้เกิดคราบตกค้างในผ้าได้
- แช่ผ้าก่อนซัก : แช่ผ้าในน้ำผสมผงซักฟอกประมาณ 30 นาที ก่อนซัก เพื่อให้คราบสกปรกอ่อนตัว และหลุดออกได้ง่ายขึ้น
- ซักผ้าให้สะอาด : ซักผ้าให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะบริเวณที่สกปรกมาก เช่น บริเวณรักแร้ คอเสื้อ
- ล้างผ้าให้สะอาด : ล้างผ้าด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง จนกว่าจะไม่มีฟองผงซักฟอกเหลืออยู่

4. เคล็ดลับเพิ่มความหอม
- ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมติดทนนาน หรือสูตรเข้มข้น : เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมติดทนนาน หรือสูตรเข้มข้นในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผ้าหอมยาวนานยิ่งขึ้น
- เติมน้ำหอมลงในเครื่องซักผ้า : เติมน้ำหอมสำหรับซักผ้าลงในช่องใส่ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม หรือหยดน้ำหอมลงบนผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ แล้วใส่ลงในเครื่องซักผ้าพร้อมผ้าที่ซัก
- ใช้แผ่นหอมสำหรับอบผ้า : ใช้แผ่นหอมสำหรับอบผ้า เพื่อให้ผ้าที่อบแห้งมีกลิ่นหอม
5. การตากผ้า
- ตากผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก : ควรตากผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงแดดส่องถึง เพื่อให้ผ้าแห้งสนิทและมีกลิ่นหอม
- หลีกเลี่ยงการตากผ้าในที่อับชื้น : ควรหลีกเลี่ยงการตากผ้าในที่อับชื้น หรือตากผ้ากลางคืน เพราะอาจทำให้ผ้ามีกลิ่นอับได้
6. การจัดเก็บ
- เก็บผ้าในที่แห้งและสะอาด : เก็บผ้าในที่แห้งและสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าอับชื้นและมีกลิ่นอับ
- ใช้ถุงหอม : ใช้ถุงหอมใส่ในตู้เสื้อผ้า เพื่อให้ผ้ามีกลิ่นหอม
บทสรุป
ทั้งนี้ นอกจากการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและขั้นตอนการซักที่ถูกต้องแล้ว ก็ยังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมอีก 3 ข้อ ที่จะช่วยให้ผ้าของคุณหอมฟุ้งยาวนานยิ่งขึ้น ก็คือ การหมั่นทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย, การตากผ้าทันทีหลังจากซักเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าอับชื้น และการรีดผ้า ซึ่งจะช่วยให้ผ้าเรียบสวยและช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานยิ่งขึ้นนั่นเอง